Blackjack : ไพ่

แบล็คแจ็ค

ไพ่ แบล็คแจ็ค หรือ Blackjack มันมีชื่อเรียกแบบที่ทำให้เข้าใจได้ง่ายกว่าเดิมคือไพ่21 เพราะการเล่นไพ่ชนิดนี้คือการรวมแต้มของไพ่ในมือให้ได้21หรือใกล้เคียงที่สุดโดยแต้มไม่เกินเพราะถ้าหากว่าแต้มของไพ่ในมือเกิน21แต้มจะถือว่ามือแตกเสียเงินไปทันที ซึ่งไพ่ของเจ้ามือเองก็เช่นกัน ส่วนการได้ไพ่ A และไพ่มีแต้มเท่ากับ10ในการแจก2ใบแรกจะถือว่าเป็นการได้แบล็คแจ็คชนะในมือนั้นเลย

วิธีการเล่นไพ่ แบล็คแจ็ค

เริ่มต้นผู้เล่นจะได้รับไพ่คนละ2ใบแบบเปิดหงาย ผู้เล่นสามารถเรียกการ์ดเพิ่มได้เท่าที่ต้องการตราบใดที่ยังไม่เกิน21แต้ม ส่วนฝ่ายเจ้ามือเริ่มต้นมาจะเปิดไพ่ให้เราเห็นแค่ใบเดียวส่วนอีกใบคว่ำเอาไว้จนกว่าผู้เล่นจะเรียกการ์ดจนครบเจ้ามือจึงทำการเปิดไพ่และเรียกไพ่ ซึ่งข้อกำหนดของเจ้ามือก็คือต้องเรียกไพ่ไปจนกว่าแต้มรวมจะมากกว่า16แต้มถึงจะหยุดจั่วไพ่ได้หรือถ้าจะพูดให้เข้าใจได้ง่ายก็คือแต้มต่ำสุดของไพ่เจ้ามือคือ17แต้ม

การนับแต้มของไพ่แต่ละใบ

ตัวเลขต่างๆ เช่น 2 , 3 , 4 ไปจนถึง 10 นับแต้มตามตัวเลข ตัวอักษรภาษาอังกฤษ J , Q , K นับเป็น 10 แต้ม A นับเป็น 11 แต้ม หรือจะนับเป็น 1 แต้มก็ได้ แล้วแต่สถานการณ์ โดยเราสามารถเลือกได้เอง เช่นเมื่อได้ไพ่ K กับ A เราจะให้ A เท่ากับ 11 แต้ม เพื่อรวมกับ K จะได้ครบ 21 แต้มพอดี หรือได้ไพ่ 9 กับ 5 กับ 4 และ A เราจะให้ A แทน 1 แต้ม เมื่อรวมกันจะได้ 20 แต้ม

เทคนิคของการเล่น Blackjack

สำหรับเกมอย่างแบล็คแจ็คนั้น แน่นอนเกมนี้ขึ้นอยู่ที่ประสบการณ์ทั้งหมด เราต้องอ่านเกมให้ออกว่าเราจะเรียก หรือหยุด หรือแยกไพ่ ซึ่งกว่าจะเก่งกันได้ต้องใช้เวลาพอสมควร อย่างไรก็ตามเราได้สรุปเทคนิคการเล่นจากนักพนันผู้เชี่ยวชาญและมือโปรของเรา ถึงหลักการเล่นที่เหมาะสมในแต่ละสถานการณ์ และสิ่งต่างๆ ที่เราควรทำ เวลาเกิดเหตุการณ์ต่างๆ มีดังนี้

1.  เทคนิคการแทงประกัน หากว่าเจ้ามือได้ไพ่ใบแรกเป็น A นำว่าควรแทงประกันทุกครั้ง เพราะว่ามีโอกาสเยอะมากที่จะเป็น แบล็คแจ็ค
2. เทคนิคการแทงแบบแยกไพ่ ควรแยกไพ่ทุกครั้ง เมื่อเราได้ 2 ใบแรก เหมือนกัน เช่น K กับ K , Q กับ Q , J กับ J และ 10 กับ10
3. เทคนิคการเรียกไพ่ อย่าหวังว่าแต้มจะต้อง 21 แต้มทุกครั้ง บางครั้งเพียงแค่ 12 หรือ 13 ก็สามารถชนะได้ ในกรณีที่มี่ 2 ใบแรกรวมกันได้ 11 แต้ม ควรเรียกไพ่เพิ่มทุกครั้ง หากว่ามีแต้ม 17 หรือว่า มากกว่า 17 ไม่ควรเรียกไพ่เพิ่ม